วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ดอกไม้กับความหมาย


ดอกไม้


มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราอาจจะคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่สามารถใช้สื่อความหมายเฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ดอกไม้แต่ละชนิดสามารถสื่อความรักได้หลาย รูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย

กุหลาบตูม หมายถึง ความรักและความเยาว์วัย
กุหลาบบาน หมายถึง ความรักที่กำลังเบ่งบาน ความอ่อนหวาน สดชื่น
กุหลาบดำ หมายถึง ความรักนิรันดร์
กุหลาบแดง (red rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ" การให้ดอกกุหลาบแดงกับคนที่รักความ หมายถึงความรักอันลึกซึ้ง จริงจัง กุหลาบแดงจึงมักจะเป็นดอกไม้ ที่ชายหนุ่มให้หญิงสาวที่ตนเองตั้งใจจะใช้ชีวิตร่วมกัน


กุหลาบขาว (white rose) : สีขาวเป็นสีแห่งความบริสุทธ์ กุหลาบขาวจึงแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ดังนั้นมันจึงสามารถใช้แทนความรักของคนต่างวัย ความรักต่อพ่อแม่ เพื่อน หรือคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างบริสุทธิ์ใจได้



กุหลาบชมพู (pink rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน การให้ดอกกุหลาบสีชมพูสามารถแสดงถึงความรัก ที่กำลังเริ่มงอกงามในใจ และสามารถพัฒนาต่อไปเป็นความรักที่ลึกซึ้งได้

กุหลาบเหลือง (yellow rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส กุหลาบสีเหลืองถูกใช้สำหรับแทนความรักแบบเพื่อน และความ สนุกสนานรื่นเริงจึงมักจะนำมันมาประดับตะกร้าสำหรับเยี่ยมผู้ป่วย เพื่อทำให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นรื่นเริงขึ้นนั่นเอง

สำหรับดอกไม้อื่น ๆ ที่ถูกมาใช้แทนความหมายแห่งความรักก็มี ดอกทิวลิบสีแดง (red tulib) ชาวตะวันตกใช้มันแทนการประกาศความรัก อย่างเปิดเผย คล้าย ๆ กับดอกกุหลาบแดง

ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (pink carnation) ใช้สื่อความหมายว่า "ถึงอย่างไรผมก็ยังรักคุณ" หรือ "คุณยังอยู่ในหัวใจฉันเสมอ"

ดอกลิลลี่สีขาว (white lilly) แสดงความรักแบบบริสุทธ์ เช่นเดียวกันกับดอกกุหลาบขาว นอกจากนั้นลิลลี่สีขาวยังแสดงถึงความรักแบบอ่อนหวานจริงใจ และเทอดทูน และมักถูกใช้แทนประโยคที่ว่า "ฉันรู้สึกดี ๆ ที่ได้ได้รู้จัก และอยู่ใกล้คุณ "

สำหรับดอก forget-me-not มีความหมายตรงตัวคือได้โปรดอย่าลืมฉัน และอย่าลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้กัน

มาถึงดอกไม้ที่เห็นได้ทั่วไปในบ้านเราบ้างดอกทานตะวัน (sunflower) มีความหมายถึงความรักแบบคลั่งไคล้ ความรักแบบบูชา แต่สำหรับชาวตะวันตก ดอกทานตะวันจะหมายถึงความเข้มแข็งอดทน จึงสามารถใช้แทนความรักที่ต้องฝ่าฟันกว่าจะได้ความรักมา

การตั้งพระพุทธรูป

การตั้งพระพุทธรูปตำรับโบราณ



เพื่อให้มีลาภมีผล มีความเจริญรุ่งเรือง โดยให้หลีกเลี่ยงทิศอับมงคลดังนี้

๑. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศอีสาน หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เรียกว่า ทิศเศรษฐี จะประกอบการค้าใดๆ ก็ร่ำรวยเฟื่องฟู จะประกอบการงานใดๆ ก็ล้วนเจริญรุ่งเรื่อง

๒. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศบูรพาหรือทิศตะวันออก เรียกว่าทิศราชา จะประกอบการงานใหญ่โตใดๆ ย่อยประสบผลสำเร็จความมุ่งหมาย

๓. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศอาคเนย์หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ เรียกว่าทิศปฐม จะประกอบการงานใดๆ ไม่ค่อยดี ไม่ค่อยมีลาภผล ชิวิตตกต่ำ แต่พอมีกินมีใช้

๔. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศทักษิณหรือทิศใต้ เรียกว่าทิศจันฑาล จะประกอบการงานใดๆ ก็ยากลำบากกาย ผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มการลงทุนลงแรง

๕. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศหรดีหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ เรียกว่าทิศวิปฏิสาร จะประกอบการงานใดๆ ก็มักนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวและเพื่อนบ้านใกล้เคียง

๖. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศประจิมหรือทิศตะวันตก เรียกว่าทิศกาฬกิณี จะทำงานใดๆ ก็เกิดลังเลใจ ไม่เป็นมงคล ให้ระวังภัยร้ายแรงด้วยประการต่างๆ

๗. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศพายัพหรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เรียกว่าทิศอุทธัจจะ จะทำงานใดๆ ผลงานไม่เป็นที่แน่นอน เรรวนไม่ได้เรื่อง ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน

๘. ตั้งพระพุทธรูปหันพระพักตร์ไปทางทิศอุดรหรือทิศเหนือ เรียกว่าทิศมัชฌิมาปฏิปทา จะทำงานใดๆ ผลงานจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ไม่ดีไม่ชั่ว ไม่สูงไม่ต่ำ